Diary




มันคือชีวิตจริงที่่เรามักจะมองข้ามสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต.............. 
  

เวลาไม่มีเงิน คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่                                      
 แต่พอมีเงิน คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อน
อยากได้รถ คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่ 
แต่พอมีรถ คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อน 
ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน 
อาหารบนโต๊ะที่บ้าน มีสำหรับพ่อและแม่
พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน เพื่อความอยู่รอด 
ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นเนตก่อนนอน เพื่อให้หลับฝันดี 
เวลาเรามีความสุข มักจะมองหาแฟนและเพื่อน 
เวลาเรามีความทุกข์ คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่ 
เวลาประสบความสำเร็จ เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัดฉลองและสังสรรค์
แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป 
โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน 
ทีวี และสวนหน้าบ้าน มีไว้สำหรับพ่อและแม่ 
ลูกไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ 
พ่อและแม่กับทำงาน หรือ 
นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น เพื่อแลกความสุขของลูก อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ 
 เวลาแต่งงานคนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่ 
คนที่มีความสุขคือลูก 
 พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง 
เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย เพื่อให้ลูกได้ดี 
แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ 
 พ่อและแม่ คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก 
แต่พอลูกมีปัญหา มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย
พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่ ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด 
คำว่า ?พ่อ? หรือ ?แม่? 
อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด 
อาจเป็นคำง่ายๆ สั้นๆ ที่มีความหมาย ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
เราอาจไม่ต้องคิดถึงท่านในทุกๆ เวลาที่เราหายใจ
เพราะเรารู้ ว่าท่านคงไม่ได้เรียกร้องมากมายขนาดนั้น
ขอแค่ 1 ใน 10 ของที่ท่านคิดถึงเราก็พอ
เพียงเท่านี้ ... ท่านคงจะดีใจ ...





2 ชีวิตที่ราคา ไม่เท่ากัน



หนูตัวร้อน ... ไปโรงพยาบาลเถอะ หาหมอเฉพาะทาง แพงหน่อย แต่(น่าจะ)ดีกว่านะ 
พ่อไข้ขึ้น ... พาราซี้ตายม่องในตู้ยาก็มี สัก 2-3 วันถ้าไม่ดีขึ้น หมอรักษาโรคทั่วไปปากซอยก็น่าจะเอาอยู่ 

หนูกลับบ้าน ... แท๊กซี่ดีกว่านะ จะได้ไม่เหนื่อย มีสมาธิทำการบ้าน (สมาธิยิ่งสั้นๆอยู่) 
พ่อกลับบ้าน ... ปั่นจักรยานนั่นแหละดีแล้ว ประหยัด ออกกำลังกายด้วย วันไหนฝนตกค่อยขึ้นรถเมล์ 

มีดบาดมืดหนู ... ไปรพ.เย็บแผลเถอะ เดี๋ยวเป็นแผลเป็น เป็นคีลอยด์ (เดี๋ยวไม่สวยไม่มีคนมาขอ ไม่หล่อไปขอใครไม่ได้) 
มีดบาดมือพ่อ ... ทิงเจอร์ พลาสเตอร์ ในตู้ยาก็มี 2-3 วัน น่าจะหาย (พ่อคงไม่อัปลักษณ์ไปกว่านี้สักเท่าไรหรอก) 

ปรับพฤติกรรม คอร์สล่ะ 6000 ... อะน่า นิดหน่อยเอง จะได้ไม่มีปัญหาในการคบเพื่อน จะได้มีเพื่อนดีๆบ้างสักคนก็ยังดี ชีวิตหนูยังอีกไกล 
e-commerce คอร์สล่ะ 1800 ... หนังสือมือสองจตุจักรเยอะแยะ เล่มล่ะ 250 เอง เดี๋ยวก็ตายแล้ว จะอยากรู้ไปทำไม 
มีดบาดมือหนู 
... ไปรพ.เถอะ จริงๆฉีดยากันบาดทะยักแล้วนะ แต่จำไม่ได้ว่าเมื่อไร ฉีดอีกคอร์สก็ดี เปลืองหน่อยแต่ชัวร์ กี่บาทพ่อก็จ่าย 
สังกะสีบาดมือพ่อ ... ทิงเจอร์ไอโอดีนนี่แหละ ขององค์การเภสัชฯ ขวดล่ะ 25 บาท เชื้อโรคไหนๆก็ตายเรียบ 
อีก 2-3 วัน นมใกล้หมดอายุ 
... หนูอย่ากินเลยเดี๋ยวท้องเสีย กระป๋องไม่กี่ร้อย ช่างมัน ไม่คุ้มค่ายาหรอก 
ก็กระป๋องเดียวกันนั่นแหละ ... พ่อกินเองดีกว่า เสียดายตังค์ ไม่น่าเป็นไรหรอก กว่านี้พ่อก็กินมาแล้ว ชิวๆ 

เรียนว่ายน้ำชม.ล่ะ 100 ... เปลืองหน่อย แต่ดีกว่า จะได้แข็งแรงไม่เป็นภูมิแพ้ เผื่อฟลุ๊คมีแววจะได้เป็นฉลามน้อยทีมชาติ 
ฟิตเนส discounted fee ถูกสุดๆ ... กลับไปสอนการบ้าน ให้หนูขี่หลังทุกเย็นดีกว่า ถ้าพุงมันจะย้วย นน.มันเกินนิดหน่อย ช่างมันเหอะ 
หนูเป็นหวัด 
... ยา original ดีกว่าเนอะ ชัวร์ (เขาว่า)ยา Generic ไว้ใจไม่ค่อยได้ เดี๋ยวมีผลข้างเคียง 
พ่อเป็นหวัด ... ทุบหอมแดงวางข้างหมอน 2-3 คืน ถ้าไม่ดีขึ้น ยา Generic ก็โอเคแล้ว ผลข้างเคียงนิดหน่อย ไม่ถึงตายหรอก จิ๊บๆ 
หนูไอ 
... ไปหาหมอ 
พ่อไอ ... กินน้ำอุ่นๆ เดี๋ยวก็หาย 
"ผู้ชาย" คนนี้ไม่ใช่ นักบัญชี ไม่ใช่ นักเศรษฐศาสตร์ (ไม่ใช่แม้กระทั่ง วิศวกร) 
"ผู้ชาย" คนนี้ก็แค่ "พ่อ" ธรรมดาๆคนนึงเท่านั้นแหละ 
... 
... 
ถ้าทุก 1 วันที่ชีวิตพ่อสั้นลง แลกกับ 1 วันที่ชีวิตหนูดีขึ้น 
... จะกี่วันก็เอาไปเถอะลูกรัก พ่อเต็มใจยกให้ 

ดวงตาคู่นี้ ... 
อาจจะทำให้พ่อเห็นความงดงามของโลกต่อไปได้อีกหลายปี 
... แต่ถ้ามันทำให้หนูมองเห็นได้อีกแม้เพียงวันเดียว 
... (แม้คนที่หนูจะมอง ... อาจจะไม่ใช่พ่อ) 
... เอามันไปเถอะลูกรัก ... พ่อเต็มใจยกให้ 

แก้วหูคู่นี้ ... 
อาจจะทำให้พ่อได้ยินความไพเราะของสายน้ำต่อไปได้อีกหลายปี 
... แต่ถ้ามันทำให้หนูได้ยินได้อีกแม้เพียงวันเดียว 
... (แม้วันเดียวนั้น ... หนูอาจจะไม่ฟังที่พ่อบอกว่าพ่อรักหนูแค่ไหน) 
... เอามันไปเถอะลูกรัก ... พ่อเต็มใจยกให้ 

ขาคู่นี้ ... 
อาจจะพาพ่อไปได้อีกครึ่งโลกใบนี้ที่เหลือ 
... แต่ถ้ามันทำให้หนูเดินได้อีกแม้เพียงก้าวเดียว 
... (แม้มันอาจจะเป็นก้าวที่ทำให้หนูห่างจากพ่อไปอีก) 
... เอามันไปเถอะลูกรัก ... พ่อเต็มใจยกให้ 

แขนคู่นี้ ... 
อาจจะทำให้พ่อได้โอบกอดคนอีกมากมาย 
... แต่ถ้ามันทำให้หนูได้โอบกอดคนที่หนูรักแม้เพียงครั้งเดียว 
... (แม้ว่าคนที่หนูจะกอด ... อาจจะไม่ใช่พ่อ) 
... เอามันไปเถอะลูกรัก ... พ่อเต็มใจยกให้ 

หัวใจดวงนี้ ... 
อาจจะทำให้พ่ออยู่ต่อไปได้อีกหลายปี 
... แต่ถ้ามันทำให้หนูอยู่ต่อได้อีกแม้เพียงวันเดียว 
... (แม้ว่าหนูอาจจะไม่ใช้วันเดียวนั้นร่วมกันกับพ่อ) 
... เอามันไปเถอะลูกรัก ... พ่อเต็มใจยกให้ 

ชีวิตนี้ที่เหลืออยู่ ... 
อาจจะทำให้พ่อทำอะไรได้อีกมากมาย 
... แต่ถ้ามันใช้ต่อชีวิตหนูได้แม้เพียงวันเดียว 
... (แม้หนูอาจจะใช้ชีวิตที่ต่อออกไปวันเดียวนั้นเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อ) 
... เอามันไปเถอะลูกรัก ... พ่อเต็มใจยกให้ 


หนูจะรู้ไหมว่า 
หนูทั้งสองเกิดมามีหัวใจสองดวงที่ "อายุหัวใจ" ไม่เท่ากัน 


ที่สุดแล้ว .... 
"ผู้ชาย" คนนี้ไม่ใช่ นักบัญชี ไม่ใช่ นักเศรษฐศาสตร์ (ไม่ใช่แม้กระทั่ง วิศวกร) 
"ผู้ชาย" คนนี้ก็แค่ "พ่อ" ธรรมดาๆคนนึงเท่านั้นแหละ 

พ่อ ... หนูรักพ่อมากที่สุดเลย จุ๊บ จุ๊บ